The Mercedes Benz GLA 200 Urban & GLA 250 AMG Dynamic 2017
Mercedes Benz พัฒนารูปลักษณ์ของรถยนต์ The Mercedes Benz GLA โฉมใหม่ด้วยการพัฒนาและปรับปรุงด้านอากาศพลศาสตร์อย่างใส่ใจในทุกรายละเอียดผ่านการทดลองภายในอุโมงค์ลมที่สามารถ ปล่อยลมความเร็วสูงได้ โดยอุโมงค์ลมนี้ตั้งอยู่ที่โรงงานประกอบรถยนต์ Mercedes Benz ในเมืองซินเดลฟิงเก้น ประเทศเยอรมนี โดยรูปลักษณ์ที่ลู่ลมของรถยนต์ The Mercedes Benz GLA โฉมใหม่นี้ส่งผลโดยตรงให้มีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานที่ต่ำเมื่อขับขี่ในสภาวะปกติ
ทั้งนี้ แนวคิดทางการออกแบบที่ Mercedes Benz ใช้เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์ของรถยนต์ The Mercedes Benz GLA โฉมใหม่นั้นประกอบไปด้วยการปรับปรุงรูปร่างของเสาเอให้ลาดเป็นวงโค้ง การปรับปรุงกรอบกระจกรอบตัวถังให้สอดรับกับหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อปรับปรุงการไหลเวียนของอากาศด้านใต้ท้องรถ การปรับแต่งปลายขอบตัวถังบริเวณส่วนล่างของตัวรถให้เป็นพื้นที่ลู่ลมขนาดใหญ่ รวมถึงการปรับแต่งบริเวณส่วนกลางของเพลาหลังและท่อเก็บเสียงด้านหลังซึ่งเชื่อมต่อกับดิฟฟิวเซอร์อีกด้วย นอกจากนี้ Mercedes Benz ยังติดตั้ง สปอยเลอร์หลังคา พร้อมติดตั้งไฟหลังที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ รวมถึงติดตั้งสปอยเลอร์ที่ด้านข้างตัวรถทั้ง 2 ด้าน เพื่อควบคุมการไหลเวียนของอากาศทางด้านหลังของตัวรถให้เป็นไปอย่างเหมาะสม
ดีไซน์ภายนอกของ The Mercedes Benz GLA โฉมใหม่ ยังคงเอกลักษณ์ของดีไซน์อันเร้าอารมณ์ในแบบฉบับรถยนต์คอมแพ็ค ที่ผสานกับความสปอร์ต อเนกประสงค์ และสมรรถนะอันดีเยี่ยม เหมาะทั้งการขับภายในเมืองและนอกเมืองได้เป็นอย่างดี โดยทั้ง GLA 200 Urban และ GLA 250 AMG Dynamic มาพร้อมกับการยกตัวถังให้สูงขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่แบบ ออฟโร้ดให้ดีขึ้น ด้วยตำแหน่งที่นั่งซึ่งยกสูงขึ้นและรูปลักษณ์ที่ดูสมบุกสมบันมากกว่าที่เคย, กันชนแบบใหม่, ระบบไฟหน้าแบบ LED High Performance มาทดแทนระบบไฟหน้าแบบ Bi-Xenon โดยระบบไฟนี้ โดดเด่นด้วยคุณสมบัติการส่องสว่างอันยอดเยี่ยม พร้อมด้วยอุณหภูมิแสงที่ใกล้เคียงกับแสงอาทิตย์ ที่จะช่วยลดความเมื่อยล้าของสายตาผู้ขับขี่เมื่อต้องขับรถในเวลากลางคืน พร้อมระบบ Adaptive highbeam Assist ที่ช่วยปรับไฟสูงแบบอัตโนมัติ เพื่อลดการบดบัง ทัศนวิสัยของผู้ร่วมใช้ถนน, ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
ในกรอบไฟหน้า, ไฟส่องสว่างอัตโนมัติในที่มืด, ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ไฟท้าย และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED, กระจกมองข้างปรับระดับ และพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า, กระจกมองข้างด้านผู้ขับขี่ และกระจกส่องหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ, ระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายด้วยระบบไฟฟ้า, ราวหลังคาอะลูมิเนียม, ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมี่ยม 2 ท่อ โดยสำหรับรถยนต์ในรุ่น GLA 200 Urban จะมาพร้อมกับไฟตัดหมอกหน้าและล้ออัลลอย แบบ 5 ก้าน ขนาด 18” และรถยนต์ GLA 250 AMG Dynamic จะมาพร้อมกับหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิด ด้วยระบบ ไฟฟ้า, ระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้มือ, ชุดแต่ง AMG bodystyling (กันชน หน้า-หลัง และสเกิร์ตข้าง), ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน, สัญลักษณ์ Mercedes -Benz บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi – spoke ขนาด 19”
สำหรับ ดีไซน์ภายใน มาพร้อมกับระบบมัลติมีเดียมาตรฐานรุ่นใหม่ อย่าง หน้าจอขนาด 8 นิ้ว, มาตรวัดรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับเข็มชี้สีแดงซึ่งช่วยให้ผู้โดยสารอ่านค่าสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น พร้อมระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO และระบบ HANDFREE ACCESS ที่สามารถเปิดประตูท้ายได้โดยไม่ใช้มือในรุ่น GLA 250 AMG Dynamic โดย GLA 200 Urban ตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO สำหรับ GLA 250 AMG Dynamic ตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO สลับ DINAMICA microfibre สีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง, ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต ซึ่งทั้ง 2 รุ่น ยังมาพร้อมกับเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบ ไฟฟ้าพร้อมหน่วยบันทึกความจำ โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1:3 / 2:3 ตามความต้องการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของที่เพิ่มขึ้น, เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังปรับองศาได้ พร้อมกล่องเก็บของ ตาข่ายสัมภาระซ้าย–ขวา และช่องจ่ายไฟขนาด 12 โวลต์ บริเวณที่เก็บสัมภาระ ด้านท้าย ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แบบ 2 โซน, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน, วิทยุ–ซีดี MB Audio 20, ระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ (BlueTooth), รองรับการใช้งานระบบนำทาง (Pre-installation SD-Card Navigation), ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay™), MB Apps, ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 12 สี และกาบบันไดเรืองแสงพร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz
ความปลอดภัยและเทคโนโลยี ที่เพิ่มเติมสำหรับทั้ง 2 รุ่น คือ การติดตั้งระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) เป็นระบบความปลอดภัยมาตรฐาน โดยระบบนี้จะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ในกรณีที่ระยะห่างระหว่างรถยนต์ที่ผู้ขับขี่ขับอยู่กับรถยนต์คันข้างหน้านั้นมีน้อยเกินไป และหากจำเป็น ระบบนี้สามารถสั่งชะลอหรือหยุดรถให้โดยอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะที่เหมาะสมได้ หากเกิดสถานการณ์อันตราย ระบบนี้ยังสามารถสั่งหยุดรถได้โดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันการเฉี่ยวชน รวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ อาทิ ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร, เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง, กล้องแสดงภาพด้านหลังสำหรับถอยรถ, โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration skid control), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist, ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light), ระบบรักษาระดับความเร็ว (cruise control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator), ระบบเตือนแรงดันยาง (tyre pressure loss warning system) และระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
สำหรับ สมรรถนะ ของ Mercedes Benz GLA 200 Urban มากับ เครื่องยนต์ เบนซิน แถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 1,595 ซีซี แรงม้าสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 5,300 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,250-4,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 8.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 215 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง
ส่วน Mercedes Benz GLA 250 AMG Dynamic มากับ เครื่องยนต์ เบนซิน แถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 1,991 ซีซี แรงม้าสูงสุด 211แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,250-4,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 6.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Mercedes Benz GLA 200 Urban ราคา 2,090,000 บาท
Mercedes Benz GLA 250 AMG Dynamic ราคา 2,390,000 บาท
สำหรับข้อมูลของ Mercedes Benz สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.mercedes-benz.co.th
หรือติดตามข้อมูลข่าวสารของ Mercedes Benz ได้ที่ www.facebook.com/MercedesBenzThailand