การไฟฟ้านครหลวงและ Nissan ร่วมลงนามความร่วมมือในดำเนินการติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าในที่พักอาศัย เป็นก้าวสำคัญในส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย
การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ได้ร่วมลงนามข้อตกลงเพื่อดำเนินการติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับที่พักอาศัย เตรียมความพร้อมสำหรับ นิสสัน ลีฟ ซึ่งจะเปิดตัวในประเทศไทยในปีงบประมาณนี้
ข้อตกลงนี้ได้มีการลงนามที่ การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ เพลินจิต กรุงเทพฯ ข้อตกลงดังกล่าวเน้นถึง ความมุ่งมั่นที่จะทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสามารถเข้าถึงสถานีชาร์จที่บ้าน ที่ทำงาน และบนท้องถนนเพื่อสร้างทางเลือกใหม่ในการเดินทางที่จะขับเคลื่อนการใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย
โดย กฟน. และนิสสัน จะทำงานร่วมกันในด้านการให้บริการรูปแบบใหม่ๆ คู่มือการใช้และบริการสำหรับระบบชาร์จ การฝึกอบรมทักษะทางเทคนิค การพัฒนาอุปกรณ์ชาร์จ รวมไปถึงระบบการชำระค่าไฟฟ้า นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างต่อเนื่องของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน
ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่ครบวาระ 60 ปี กฟน. ในปีนี้ กฟน. จึงมุ่งเป็นผู้นำเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัย ได้เตรียมความพร้อมรองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทดแทนรถยนต์น้ำมันในอนาคต เนื่องจากเป็นพลังงานที่สะอาดและประหยัด โดย กฟน. ได้ร่วมสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในการลงนามบันทึกความเข้าใจกับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องหลายราย ซึ่งการลงนามกับ นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญในการรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าในประเทศไทยให้มีเพิ่มมากขึ้น โดย กฟน. จะเป็นผู้ดำเนินการให้บริการด้านระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการอัดประจุไฟฟ้า เพื่อสร้างความมั่นใจและสร้างความปลอดภัยในระบบไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าของนิสสัน และเป็นผู้ดำเนินการฝึกอบรมให้ความรู้ด้านระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าให้แก่บุคลากรของบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เช่น ตัวแทนจำหน่ายส่วนงานบริการลูกค้าช่างประจำศูนย์บริการ เป็นต้น ซึ่งความร่วมมือดังกล่าว ยังเป็นการตอบสนองต่อแผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP 2015) ซึ่งมีเป้าหมายในการส่งเสริมเพื่อให้เกิดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าประเภทไฮบริดปลั๊กอิน (Plug-in hybrid electric vehicle : PHEV) และยานยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ (Battery electric vehicle : BEV) รวมทั้งสิ้น 1.2 ล้านคัน ภายในปี พ.ศ. 2579 ถือเป็นความร่วมมือกับองค์กรภาคธุรกิจในการขับเคลื่อนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นจริงในประเทศ
นอกจากนี้ กฟน. ยังได้มีการจัดทำ “MEA EV Application” ที่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายบนสมาร์ทโฟน เวอร์ชันล่าสุด 2.0 รองรับการใช้งานทั้งระบบ IOS และ Android สำหรับการค้นหาสถานีอัดประจุไฟฟ้าการจองหัวชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ มีระบบนำทางไปยังสถานีชาร์จพร้อมควบคุมการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าผ่านระบบรีโมทด้วยแอปพลิเคชันทันที การแจ้งข้อมูลประวัติการชาร์จ การคำนวณอัตราการประหยัดพลังงาน รวมถึงฟังก์ชันอื่น ๆ ที่จะจัดทำเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกในอนาคต
มร. อันตวน บาร์เตส ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า นิสสัน ลีฟ ใหม่ เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัยและขายดีที่สุดในโลก “รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของเราได้รับการพัฒนา ผลิตและ จำหน่ายมาเป็นระยะเวลานานกว่ารายอื่นๆ นอกจากนั้น ลีฟ ใหม่ ยังเป็นสัญลักษณ์ของนิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility: NIM) ซึ่งออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่อย่างชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น”
นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี เป็นวิสัยทัศน์ที่อยู่เบื้องหลังรถยนต์ นิสสัน ทุกคันโดยเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและไฮบริด และเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อขับเคลื่อนผู้คนทั่วโลกสู่อนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนมากขึ้น โดยการลงทุนอย่างมากในการวิจัยและพัฒนาตามความต้องการของลูกค้าและความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมยานยนต์
“บันทึกความเข้าใจนี้เป็นก้าวหนึ่ง ซึ่งนิสสันเป็นผู้นำโลกในการนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสู่ประเทศไทย นี่เป็นข้อตกลงที่สำคัญระหว่างกฟน. และนิสสัน ในการทำงานร่วมกันเพื่อให้มั่นใจว่าเราจะมีสถานีชาร์จประจำบ้าน สำหรับลูกค้า ลีฟ ของเรา ก่อนการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้านี้สู่ประเทศไทยในปีงบประมาณนี้” มร. บาร์เตส กล่าวเสริม
แนวโน้มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของประเทศไทยยังคงแข็งแกร่ง เมื่อต้นปีที่ผ่านมา นิสสัน ได้มอบมายให้ ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน ศึกษาถึงอนาคตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจอย่างมากในรถยนต์พลังงานโดยร้อยละ 44 ของผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยกล่าวว่า พวกเขาพิจารณาซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นยานพาหนะต่อไปของพวกเขาอย่างแน่นอน
“นิสสัน เชื่อว่ารถยนต์เป็นมากกว่ารถยนต์ และเราเป็นบริษัท ผู้บุกเบิกโซลูชั่นที่ทันสมัยเพื่อการพัฒนาเมืองในอนาคต บันทึกความเข้าใจนี้ทำให้เราก้าวสู่เป้าหมายใกล้ขึ้นอีกขั้น เพราะเราเชื่อว่าอนาคตคือไฟฟ้า การเชื่อมต่อ และการขับขี่อัตโนมัติ” มร. บาร์เตส กล่าว
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
นิสสัน ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ 2476 โดยมีนโยบายหลักที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับลูกค้า (Innovation that Excites) ทำให้ลูกค้าได้รับความสุขกับรถของนิสสัน ขณะเดียวกันนิสสันยังต้องการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม โดยนิสสันได้ประกาศเป้าหมายในการมีส่วนร่วมลดค่ามลพิษให้เป็นศูนย์ และลดการสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์ นิสสันจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่อัจฉริยะ โดยมีแผนที่จะแนะนำระบบขับขี่อัตโนมัติ ในรถยนต์รุ่นหลักในภูมิภาคต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อมๆ กับการสร้างความสุขให้กับผู้ขับขี่ สำหรับประเทศไทยนิสสันเริ่มดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 แห่ง และฐานการผลิตรถยนต์รวม 2 แห่ง มีเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 190 แห่ง โดยมีผลิตภัณฑ์รถยนต์ตอบสนองลูกค้าทุกเซกเมนต์รวม 10 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์อีโค คาร์ รถยนต์อเนกประสงค์ รถยนต์พรีเมี่ยมซีดาน รถกระบะ และรถตู้
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด
นิสสัน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่จำหน่ายรถยนต์มากกว่า 60 รุ่นภายใต้แบรนด์นิสสัน อินฟินิตี้ และดัทสัน ในปีงบประมาณ 2560 บริษัทฯ มียอดขายรถยนต์มากกว่า 5.77 ล้านคันทั่วโลก สร้างรายได้มูลค่า 11.9 ล้านล้านเยน ในวันที่ 1 เมษายน 2560 บริษัทฯ เริ่มดำเนินการแผนกลยุทธ์ระยะกลาง Nissan M.OV.E. to 2022 ซึ่งเป็นแผนธุรกิจ 6 ปีที่มีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้ 30% เป็นมูลค่า 16.5 ล้านล้านเยน เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2565 โดยมีกระแสเงินสดสะสมจำนวน 2.5 ล้านล้านเยน ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว นิสสันมุ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านรถยนต์นิสสัน ลีฟ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ สำนักงานใหญ่ของนิสสันที่ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น แบ่งเขตปฏิบัติการออกเป็น 6 พื้นที่ ประกอบไปด้วย เอเชียและโอเชียเนีย แอฟริกา ตะวันออกกลางและอินเดีย จีน ยุโรป ละตินอเมริกา และอเมริกาเหนือ นิสสันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และ ได้เข้าซื้อหุ้นเป็นจำนวน 34% จากมิตซูบิชิในปี พ.ศ. 2559 ปัจจุบันเรโนลต์ นิสสัน และมิตซูบิชิ มอเตอร์สเป็นพันธมิตรธุรกิจยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดและมียอดขายรวมกันมากกว่า 10.6 ล้านคันในปี 2560
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์เพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามได้ที่ nissan-global.com, Facebook, Instagram, Twitter , LinkedIn และรับชมวีดีโอล่าสุดที่ YouTube