ROLLS-ROYCE MOTOR CARS เฉลิมฉลองยนตรกรรม Bespoke ในงาน GOODWOOD FESTIVAL OF SPEED
• การเผยโฉมของ Rolls-Royce Wraith Black Badge Landspeed Collection สู่สาธารณชนครั้งแรกของโลก
• ยนตรกรรมบีสโป๊กทุกรุ่นจะถูกจัดแสดงต่อสาธารณชน
• ยนตรกรรม Landspeed Collection จะถูกจัดแสดงที่บริเวณ Laundry Green ภายในงานเทศกาล
ผู้ชมงานเทศกาลแห่งความเร็ว Goodwood Festival of Speed จะได้พบกับการเผยโฉม Rolls-Royce Wraith Black Badge Landspeed Collection สู่สาธารณชนครั้งแรกของโลกภายหลังจากการเปิดเผยล่าสุดเกี่ยวกับ Landspeed Collection ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จ นวัตกรรมและความกล้าหาญ เพื่อระลึกถึงสถิติความเร็วสูงสุดที่สร้างขึ้นโดยวิศวกรชาวอังกฤษ ร้อยเอก จอร์จ ไอสตัน(Captain George Eyston) ด้วยรถ Thunderbolt ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เครื่องบิน Rolls-Royce R V12สองเครื่องยนต์
Rolls-Royce Wraith Black Badge Landspeed Collection จะเข้าร่วมขับโชว์ขึ้นเนินเขา (Hillclimb) 4 ครั้งต่อวันในรายการจัดแสดงยนตรกรรมช่วงพิเศษ ‘First Glance’ นอกจากการสาธิตความคล่องตัวของ ยนตรกรรมในตระกูล Black Badge แล้ว Rolls-Royce Dawn Black Badge จะร่วมแข่งในรายการ‘Michelin Supercar Run’ ทั้งนี้ สามารถยลโฉมยนตรกรรมทั้ง 2 คันนี้ได้ที่ Supercar Paddock ในช่วงระหว่างหยุดพักจากการแข่งขันความเร็วสูง
ยนตรกรรมบีสโป๊กที่ได้ถูกคัดสรรพิเศษ ได้แก่ Phantom, Ghost, Dawn, Wraith และ Cullinan จะถูกจัดแสดงที่บริเวณ Laundry Green ภายในงานเทศกาลที่จัดขึ้นตรงข้าม Goodwood House โดยยนตรกรรม แต่ละคันนั้นสะท้อนถึงอารมณ์ทางสุทรียศาสตร์ของผู้เป็นเจ้าของ และฝีมืองานหัตถศิลป์ของแบรนด์ที่ไม่มีใครเสมอเหมือน
WRAITH BLACK BADGE LANDSPEED COLLECTION
Wraith Black Badge Landspeed Collection มาในสีทูโทนที่สั่งผลิตพิเศษสะท้อนถึงทัศนียภาพของที่ราบลานเกลือบอนเนวิลล์ (Bonneville Salt Flats) ในรัฐยูทาห์ ที่ซึ่งไอสตันได้ทำลายสถิติความเร็วใหม่สำเร็จในระหว่างปีค.ศ. 1937 และปีค.ศ. 1938 ยนตรกรรมในคอลเล็กชั่นที่โดดเด่นนี้นำเสนอสองโทนสีที่ถูกรังสรรค์ขึ้นพิเศษ คือการผสานระหว่างสีดำ Black Diamond Metallic และสีฟ้าบีสโป๊ก Bonneville Blueเฉดสีฟ้าพิเศษนี้ถูกพัฒนาขึ้นเฉพาะให้กับยนตรกรรมในคอลเล็กชั่น ด้วยเฉดสีที่ไล่ระดับยามต้องแสงแดดจากสีฟ้าอ่อนไปจนถึง สีเงินแสดงให้เห็นภาพสะท้อนของท้องฟ้าอันกว้างใหญ่เหนือบอนเนวิลล์ และที่ราบลานเกลือระยิบระยับบนตัวถังอลูมิเนียมของ Thunderbolt
ภายในยนตรกรรมบริเวณแผงหน้ารถตกแต่งด้วยลวดลายพื้นผิวที่เป็นรอยแยกเล็ก ๆ ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นใหม่เลียนแบบพื้นผิวที่ราบลานเกลือ ในขณะที่ส่วนของพวงมาลัยและเบาะที่นั่งคนขับตกแต่งด้วยลวดลายฉลุรูพรุนเลียนแบบเส้นทึบที่เด่นชัดบนพื้นเกลือสีขาวที่ช่วยนำทางให้ไอสตันขณะแข่งขันความเร็ว เพดานห้องโดยสาร Starlight Headliner ได้จำลองบรรยากาศท้องฟ้ายามค่ำคืนในวันที่ 16 กันยายน ปีค.ศ. 1938 คือวันที่ไอสตันสร้างสถิติความเร็วสูงสุดของโลกเป็นครั้งที่ 3 และครั้งสุดท้ายที่ 357.497 ไมล์ต่อชั่วโมง (575.336 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ภาพโครงร่างรถ Thunderbolt ของเขาและสถิติความเร็วที่ถูกทำลายถึง 3 ครั้งถูกแกะสลักด้วยเลเซอร์ที่บริเวณคอนโซลกลาง ทั้งนี้ Wraith Black Badge Landspeed Collection จะถูกรังสรรค์ขึ้นเพียง 35 คันเท่านั้น
ROLLS-ROYCE PHANTOM
Phantom ย่อมได้รับความภาคภูมิใจในฐานะยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์บีสโป๊ก เพื่อเป็นเกียรติในฐานะสุดยอดยนตรกรรมของแบรนด์ ยนตรกรรมสั่งผลิตพิเศษร่วมสมัยคันนี้มาในสีเงิน Silver Haze แต่งแต้มรายละเอียดด้วยสีดำเพื่อขับความโดดเด่นให้กับตัวถังสีเงิน โดยเฉพาะในส่วนของเสา B-pillar คิ้วขอบกระจกและเส้นแนวตั้งของกระจังหน้าแพนธีออนที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ สำหรับภายในใช้สีดำตกแต่งเป็นส่วนใหญ่ที่บริเวณเพดานห้องโดยสาร ประตู ส่วนแผงหน้ารถ และพรมปูพื้น ตัดกับสีเทา Cashmere Grey ของ เบาะที่นั่งและบานประตู พร้อมด้วยสีฟ้า Charles Blue ที่แต่งเติมตรงขลิบเบาะและบุช่องใส่ของข้างประตู Phantom สร้างโอกาสที่ไม่เหมือนที่ใดในการนำเสนองานศิลปะในบริเวณส่วนของแกลเลอรี่(Gallery) ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นเป็นหนึ่งเดียวกับส่วนแผงหน้ารถเพื่อมอบความเพลิดเพลินแก่เจ้าของยนตรกรรม
ทั้งนี้ Carbon Veil Gallery ถูกรังสรรค์ขึ้นพิเศษจากความร่วมมือกับอลาสแตร์ กิบสัน (Alastair Gibson)ศิลปินผู้โด่งดังด้านการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ แรงบันดาลใจของเขาในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจัดวางนั้นได้จากท้องฟ้า โดยการใช้เหลี่ยมมุมและรูปร่างที่ดูลึกลับของเครื่องบินขับไล่ไอพ่นมาขึ้นรูปเพื่อให้ได้ชิ้นงานดีไซน์ที่บริสุทธิ์และปราศจากการประนีประนอมต่อความแข็งกร้าวดุดัน ความงดงามนี้ได้ถูกบรรจงจัดวางไว้ในแกลเลอรี่ของ ยนตรกรรมแฟนธอม เป็นการเติมเต็มความทะเยอทะยานของโรลส์-รอยซ์ในการเริ่มใช้ลักษณะรูปร่างแหลมคม มีเหลี่ยมมุมมาตกแต่งภายในยนตรกรรมได้อย่างมั่นใจและสร้างสรรค์
ROLLS-ROYCE GHOST
นับได้ว่าเป็นยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ที่มีความทันสมัยทางเทคโนโลยีมากที่สุดในขณะนี้ Ghost ใหม่ คือการกล่าวย้ำครั้งล่าสุดถึงยนตรกรรมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ 117 ปีของแบรนด์ รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเรียบง่ายและสะอาดตาเปรียบประดุจผืนผ้าใบที่สมบูรณ์แบบเหมาะสำหรับสีตัวถังฟ้าเข้ม Submariner Blue ที่ถูกใช้ครั้งแรกใน Rolls-Royce Ghost ล้อรถสีดำกึ่งเงากึ่งด้านขนาด 21 นิ้วมอบความโดดเด่นและทำให้มั่นใจได้ว่าคิ้วโครเมียมขอบกระจกรถจะมองเห็นได้อย่างเด่นชัด ภายในตกแต่งด้วยหนังสีขาว Grace White ตอกย้ำความงดงามอันประณีต ในขณะที่สีกรมท่าถูกใช้ตกแต่งบริเวณด้านล่างของเบาะที่นั่ง พวงมาลัย พรมปูพื้นรถที่ทำจากขนแกะ เข็มขัดนิรภัย และรายละเอียดของรอยตะเข็บที่สะท้อนถึงสีตัวถังภายนอก ตลอดบริเวณแผงหน้ารถและด้านบนคอนโซลกลางระหว่างที่นั่งด้านหน้าตกแต่งด้วยไม้ Circassian Walnut ด้วยผิวสัมผัสแบบรูพรุนเปิดละเอียดมอบกลิ่นอายธรรมชาติให้แก่ภายในห้องโดยสารอันร่วมสมัยของยนตรกรรม Ghost
ROLLS-ROYCE DAWN
Dawn สัญลักษณ์แห่งการตอบสนองโดยสัญชาตญาณ ถูกนำเสนอด้วยสีเขียว Verde Ermes เฉดสีเขียวเข้มที่สั่งผลิตพิเศษ ตัวรถด้านข้างของตัวถังที่โดดเด่นถูกเน้นด้วยล้อรถ 21 นิ้วสีเทา Anthracite Grey ซึ่งสีเทานี้ยังได้ปรากฏอยู่ที่บริเวณฝากระโปรงหน้ายาวสีดำของยนตรกรรม นอกจากนี้ ที่หุ้มเบาะหลัง (Aero Cowling) แปลงโฉมให้ Dawn เป็นรถเปิดประทุน 2 ที่นั่งสไตล์โรดสเตอร์ที่เชื้อเชิญให้ชมความงามภายในยนตรกรรมที่ตกแต่งด้วยสีน้ำตาลไหม้ Casden Tan ด้วยความงดงามที่ลงตัวของพวงมาลัยสองโทนสีคือสีดำและสีน้ำตาลไหม้ Casden Tan
ROLLS-ROYCE BLACK BADGE
Rolls-Royce Black Badge เหมาะสำหรับผู้ที่ปฏิเสธที่จะคล้อยตามและกล้าที่จะแตกต่างถูกออกแบบให้มีแรงบิด สมรรถนะในการควบคุม และมีความทรงพลังมากยิ่งขึ้น นับตั้งแต่การเปิดตัวยนตรกรรมได้รับ การตอบรับจากลูกค้าที่มีจินตนาการเกี่ยวกับความหรูหรากว้างไกลกว่าที่เคย ด้วยความต้องการที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดในตัวตนของแบรนด์ผ่านการสั่งผลิตพิเศษในแบบฉบับของพวกเขาเอง สำหรับงานFestival of Speed ในปีนี้โรลส์-รอยซ์ได้นำเสนอ 2 ยนตรกรรมใหม่ที่เปี่ยมด้วยพลังในการสร้างสรรค์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความปรารถนาของลูกค้า
นับตั้งแต่การเปิดตัวในปีพ.ศ. 2561 Cullinan ได้เดินทางบนเส้นทางแห่งบีสโป๊กอันน่าทึ่ง ทีมงาน Bespoke Collective ประกอบด้วยทีมนักออกแบบ ช่างฝีมือ และวิศวกร ได้รังสรรค์และยังคงนำวิสัยทัศน์ และความปรารถนาของลูกค้าผู้มีวิสัยทัศน์ของแบรนด์มาสร้างสรรค์ผลงานให้กลายเป็นรูปธรรม Black Badge Cullinan ที่มีเอกลักษณ์จึงได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อระลึกถึงการเดินทางครั้งนี้
การสั่งผลิตพิเศษน้อมรับนิยามของประโยชน์ ขุมพลัง และความง่ายดายที่เหนือชั้นและอัดแน่นอยู่ใน ยนตรกรรม Black Badge Cullinan มาในสีแดงเร้าร้อน Iced Magma Red พร้อมกับดีไซน์ที่เป็นซิกเนเจอร์ของ Black Badge รวมถึงสัญลักษณ์ Spirit of Ecstasy ในสีดำโครเมียมเคลือบเงาแวววาวเพิ่มความเข้มข้นดุดันให้กับสีตัวถังภายนอกที่สดใส และล้อ 22 นิ้วกึ่งเงากึ่งด้านที่รังสรรค์ขึ้นเฉพาะให้กับยนตรกรรม Black Badge เสริมความงดงามภายนอกให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
แนวคิดการใช้สีแดงยังคงต่อเนื่องเข้าไปยังภายในห้องโดยสารที่ใช้สีแดง Mugello Red ตัดกับสีดำในส่วนของรายละเอียดของเบาะที่นั่ง พรม และเพดานห้องโดยสาร Shooting Starlight Headliner อีกทั้ง มีการใช้สีทูโทนในส่วนของที่นั่งพิเศษสำหรับชมวิวด้านท้ายรถ (Viewing Suite)
ยนตรกรรมในตระกูล Black Badge คันที่สองที่จัดแสดงในงานคือ Wraith ตัวถังสีเงิน Iced Premiere Silver ที่เกือบจะเป็นสีโทนเดียวกับสัญลักษณ์ Spirit of Ecstasy และล้อ Black Badge ขนาด 21 นิ้วที่เป็นสีดำโครเมียม ในทางตรงกันข้ามภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีที่เข้ากับสีแดงสด Mugello Red ที่โดดเด่นของ แบรนด์
นอกจากยนตรกรรมของโรลส์-รอยซ์ที่ร่วมงาน Festival of Speed แล้วยังมียนตรกรรม Black Badge Cullinan ร่วมงานในฐานะรถที่ดูแลความเรียบร้อยในการแข่งขัน (Festival Course Safety Car) และ Ghost ในฐานะ Courtesy Car อีกด้วย